“ดู ‘ท่า‘ นายจะไม่อยากให้ฉันออกไปนะ”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม แสยะยิ้มมุมปากเห็นเขี้ยวน้อยๆ มองด้วยสายตาจับผิด
(+ 👍 ผมหนานุ่มสีอ่อนของใครบางคน อยู่ในรายการของที่วัล ‘ชอบ‘ )
@valerik-ssa.bsky.social
Valerik Ivanovich Vyatka | Val | Yr.12 | Athletics 👟 | 🇷🇺🐻 #SSA_commu Doc: http://bit.ly/4lXs3yk
“ดู ‘ท่า‘ นายจะไม่อยากให้ฉันออกไปนะ”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงกรุ้มกริ่ม แสยะยิ้มมุมปากเห็นเขี้ยวน้อยๆ มองด้วยสายตาจับผิด
(+ 👍 ผมหนานุ่มสีอ่อนของใครบางคน อยู่ในรายการของที่วัล ‘ชอบ‘ )
จนท้ายที่สุดการ ‘จับผิด‘ ก็จบลง เมื่อวัลเลิกเอี้ยวหน้ามองไปที่เจ้าคน ‘ย้อนแย้ง’
ก่อนจะตัดสินใจยกมือที่จับกันอย่าง ‘แนบแน่น‘ ขึ้น พร้อมกับกระตุกมือเบาๆ เลิกคิ้วขึ้นสูงเป็นเชิงถาม
ด้วยท่าทางดูอวดดียังไงก็ไม่รู้…
+
แต่หลังจากที่เห็นคนตรงหน้าตอบรับ ’ความช่วยเหลือ’ ที่หยิบยื่นไป ก็พอจะทำให้ใจชื้นขึ้นมาบ้าง ก่อนที่ประโยคถัดมาจะทำลายทุกอย่าง
’ออก’
นี่เขาไม่ได้ฟังผิดไปใช่มั้ย? ตาคมกระตุกอย่างเห็นได้ชัด ขมับทั้งสองข้างกลับมาเต้นตุบๆ
พร้อมทั้งจ้องหน้าคนพูดสลับกับมือที่ยังเกาะเกี่ยวกันอย่าง ‘แนบแน่น‘
มองหน้า มองมือ มองหน้า มองมือวนๆซ้ำไปมา—
บรรยากาศช่างชวนอิหลักอิเหลื่อ…
+
ความหนานุ่มใต้ฝ่ามือทำให้ชวนเคลิบเคลิ้ม ลูบไปลูบมาก็เพลินมือดี
โดยเฉพาะยามที่เจ้าตัวเอียงหัวเข้าหาทำให้ลูบได้สะดวกมือยิ่งขึ้น
แม้สุดท้ายจะต้องผละออกจากกัน วัลได้แต่มองกลุ่มก้อนหนานุ่มนั้นที่ถอยห่างออกไปตาละห้อย อย่างอาลัยอาวรณ์และนึกเสียดาย
ที่ไม่ได้ลูบนานกว่านี้…
+
“เอ้า ฮึบ! ไหนนายลองลุกขึ้นยืนเองหน่อย”
เอ่ยเร่งเร้า กล่าวจบก็เอามือชันเข่าลุกขึ้นอย่างช้าๆหลังจากนั่งยองๆมานาน โดยที่ไม่ได้ปัดป้องมือที่กำลังจับกางเกงวอร์มของตน
มือข้างหนึ่งยื่นออกมาหาบลิซ สื่อไปในเชิงช่วยพยุงให้ลุกขึ้นได้สะดวก อีกมือหนึ่งกำลังเก็บทิชชู่ที่หยิบยื่นให้ก่อนหน้า—
คงได้แต่ช่วย ‘ทางอ้อม‘ อย่าให้เจ้าตัวรู้ตัว ให้หลงคิดไปเองว่าได้ยืนหยัดด้วยตัวเอง
ไม่งั้นความ ‘หวังดี‘ จะกลับกลายเป็นความ ‘อวดดี’
+
หากลองขบคิดซักนิดก็คงบอกได้ในทันทีว่าอากัปกิริยาของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ตั้งใจจะ ’ขับไล่ไสสง’ ตนขนาดนั้น
ทำให้วัลไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยังคง ‘ปักหลัก’ อยู่ตรงนี้ เผื่อจะช่วยอะไรคนตรงหน้าได้บ้าง
ท่าทาง ‘ยอมหักไม่ยอมงอ‘ ก่อนหน้าเป็นเครื่องหมายยืนยันได้ชัดเจน ทั้งกลบเกลื่อนรอยน้ำตา และปฏิกิริยาตอบกลับที่รุนแรง หลังจากที่ลองโยนหินถามทางดู
+
มืออีกข้างยื่นขึ้นมาวางบนความหนานุ่มตรงหน้าอย่างลืมตัว
“ ปุบๆ “
แม้กลุ่มผมสีอ่อนที่เปียกปอนนี้ไม่นุ่มลื่นมือเท่ากับตอนที่แห้งก็ตาม แต่ก็ให้ความรู้สึกดีพอกัน—
“ไม่ร้อง ก็ไม่ร้อง“
เอ่ยเสียทุ้มนุ่มด้วยความจนใจ สีหน้าแววตาอ่อนลงแบบเห็นได้ชัด แม้จะรู้ทั้งรู้ว่านั่นไม่ใช่ความจริง ก็ได้แต่เออออไปตามน้ำ
+
…
…
ท่ามกลางความเงียบ มือที่ถือ ’แผ่นประคบเย็น‘ ยอมผละออกอย่างจำนน ก่อนจะยกมือขึ้นทั้ง 2 ข้างไปในเชิงยอมแพ้
”—เฮ้อ—“
“เป็นฉันที่ผิดเอง”
…
…
…
“ทุกครั้งก็เป็นฉันที่ผิดตลอดนั่นแหล่ะ”
ประโยคหลังบ่นอุบอิบ พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา พึมพำตัดพ้อกับตัวเอง
“อย่าร้องเยอะ เดี๋ยวหน้าตาจะดูไม่ได้“
ไม่พูดเปล่า วัลหยิบยื่น ‘ทิชชู่’ ให้คนตรงหน้าจัดการตัวเอง
พลั้งโพล่งคำพูดใจร้ายออกไป ปฏิกิริยาตอบกลับ กลับกลายเป็นสีหน้าปริ่มจะร้องไห้ของเพื่อนสนิท
ก่อนจะตามมาด้วยก็น้ำตาที่ไหลรินออกมาเป็นสาย…
ยากจะแยกแยะว่าเป็นน้ำตาแห่งความ ‘เศร้าโศก เสียใจ‘
หรือน้ำตาแห่งความ ’โกรธขึ้ง คับข้องใจ‘ จากคำพูดร้ายๆ
ซึ่งดูจะเป็นอย่างหลังมากกว่าจากนัตน์ตาที่แข็งกร้าว
‘ไอ้เราก็แพ้น้ำตาซะด้วยสิ…’
…
+
แค่นยิ้มเย้ยหยัน พร้อมกับตอกกลับด้วยน้ำเสียงยียวนอย่างไม่ไว้หน้า ตาคมอำพันเหลืองแดงหลุบลงมองคน ‘มอมๆ’ ตรงหน้า
ปากร้ายพูดไปอย่างนั้นแหล่ะ แต่ในใจลึกๆ ’เป็นห่วง‘
‘ปล่อยให้นายจัดการตัวเองไม่ได้หรอก‘
‘ดูสิ คลาดสายตาไปแปปเดียว ก็หาเรื่องให้ต้องเจ็บตัว(?) อีกแล้ว’
(เพราะเปิดประตูพรวดพราดรึเปล่า นายวาเลริก 🫵)
สิ้นเสียงจากอีกฝ่าย มือที่ถือ ’แผ่นประคบเย็น‘ ไม่ผละออกตามคำขอ
กลับกันข้อมือหนากดลงย้ำตรงหัวที่ปูดโนแทนคำปฏิเสธ
และดูเหมือนจะกดแรงขึ้นเรื่อยๆ—
“—เหอะ—”
“ดูสภาพตัวเองก่อน“
“แค่ลุกขึ้นยืนเองยังไม่ได้เลยมั้ง“
+
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้น ตาคมอำพันเหลือบแดงจับจ้องไปที่ร่างที่คุดคู้อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาเวทนาปนสมเพชเป็นส่วนมาก
ก่อนจะเดินออกจากห้องน้ำไป ซักพักก็กลับมาพร้อมกับของบางอย่าง (?)
เงาดำขนาดใหญ่ทาบทับ ร่างสูงย่อตัวลง ก่อนจะไม่พูดพร่ำทำเพลงกด ‘สิ่งนั้น’ ไปที่ส่วนหัวที่ปูดโน
สัมผัสได้ถึงความเย็นที่ค่อยๆแผ่ซ่านออกมา~
(ขอบคุณวัลที่ยั้งมือ 🙏)
(มันคือ ’แผ่นประคบเย็น’ น่ะ)
จากที่ลังเลว่าจะแตะดีไม่แตะดี วัลพลันหยุดมือชะงักและถอยออกห่างตามคำพูดของคนตรงหน้า
ดวงตาคมทันได้เหลือบเห็นหัวที่ปูดโนได้อย่างชัดเจน
‘ซี้ด…‘
ซู้ดปากในใจเพราะเจ็บแทนเจ้าตัว แต่จะว่าไป…คนตรงหน้าก็ดูคล้าย ’กุ้งสุก‘ เหมือนกันแฮะ
จินตนาการสุดบรรเจิดถูกขัดด้วยประโยคถัดมาของ ’กุ้งสุก‘ บนพื้น ทำให้ขมับทั้งสองข้างของวาเลริกเต้นตุ้บๆ
+
ร่างสูงตะลีตะลานวางชุดไว้มั่วๆซักที่ ก่อนจะพุ่งเข้าชาร์จเพื่อดูอาการของเพื่อนสนิท
โดยไม่ลืมที่จะปิดน้ำจากฝักบัวที่ยังคงสาดซัดใส่เรือนผมสีอ่อนราวกับซ้ำเติมกัน
สองมือลนลานยกขึ้นท่าทางยึกยักชวนน่าขัน เหมือนจะพยายามกันแหล่มิกันแหล่ กันเอามือที่กุมหน้าผากออกเพื่อดูความรุนแรงของบาดแผล
(ขอแง้มดูหน้าคุณ 🫣)
ร่างที่เล็กกว่าตนถอยร่นไปด้านหลังอย่างไม่มีอะไรมาขว้างกั้น ก่อนจะล้มตัวลงไปจูบพื้นห้องน้ำ ภายใต้สีหน้าตะลึงงันและมือที่ค้างเติ่งของตัวต้นเรื่องที่เปิดประตูตึงตัง
“นายเป็นไรมากมั้ย?! เจ็บมากรึเปล่า?!”
เอ่ยถามเสียงดังโดยพลันด้วยความเป็นห่วง ลืมสิ้นความขุ่นข้องหมองใจก่อนหน้า
+
???
!!??
“เฮ้ย!!!“
อารมณ์สวิตช์ไปอีกขั้วทันควัน เมื่อเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นตรงหน้า โดยสัญชาตญาณมือหนึ่งยื่นออกมาเพื่อคว้าจับคนตรงหน้า แต่ไม่ใช่ครั้งนี้—
ที่ไม่ทันการณ์—
+
!!??
ประตูถูกเปิดอ้ากว้างโดยพลันด้วยฝีมือของร่างสูง ก่อนจะยื่น ‘ของ‘ ให้
“ห้องนายล็อก เปิดไม่ได้ หาคีย์การ์ดไม่เจอ”
“เพราะงั้น ใช้นี่ (?) แทนไปก่อนนะ”
เอ่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มนุ่ม แจกแจงเหตุผลอย่างรวดเร็ว ผิวเผินสีหน้าดูปกติดี แต่ระคนซับซ้อนเพราะต้องฝังกลบทุกอารมณ์ภายในใจราวกับว่าทุกอย่างปกติดี ไม่เคยมีเรื่องมีราวกัน—
(พ่อบ้านก็เหนื่อยเป็น 😔)
ร่างสูงหมุนตัวเดินกลับมาที่ห้องเดิม เปิดตู้คุ้ยหาเสื้อของ ‘ตน’ ที่บลิซพอจะใส่ได้ หลังคว้าเสื้อผ้ามาได้ 2-3 ตัวก็ได้แต่ยกมือขึ้นยีหัว
‘จะใส่ได้รึเปล่านะ?‘
’แล้วแต่เจ้าตัวละกัน’
คิดจบก็จัดเซตเสื้อยืดกางเกงขายาวตัวโคร่ง กับบ๊อกเซอร์พ่วงผ้าขนหนูหนานุ่มไปให้ หลังจากนั้นเดินอาดๆไปที่หน้าประตูห้องน้ำ…
+
‘ใช่‘
วัลผุดลุกขึ้นพลางยืดเส้นยืดสายไล่ความเมื่อยขบอีกรอบ ก่อนจะเดินไปหยิบเสื้อผ้าให้เพื่อนสนิทอย่างอ้อยอิ่ง
“กึกๆๆ”
‘ประตูล็อค‘
หลังทบทวนความทรงจำ ก็ไม่พบว่า ‘คีย์การ์ด’ อยู่ในห้องที่ทำความสะอาดแล้วของตน หนุ่มหัวแดงจึงได้แต่ยกมือขึ้นเกาหัวด้วยความอับจน
(…ไรว้า)
+
แพขนตาที่ก่อนหน้านี้หลุบลงพลันเบิกกว้าง สีหน้าเลิ่กลั่กระคนประหลาดใจ ปรากฏอยู่บนใบหน้าคม
ก่อนจะเงี่ยหูรอฟังประโยคถัดไป…
‘ชุด....เปลี่ยน‘
เมื่อได้ยินวัตถุประสงค์ของคนหลังประตู ก็ได้แต่กลอกตาขึ้นเล็กน้อยพร้อมบึนปาก
เพราะในใจอยากจะนอนแหมะพิงเตียงอยู่ชั่วครู่ก็ยังดี
แต่สุดท้ายก็ไปหยิบให้ใช่ไหม?
+
ยังไม่ทันที่เจ้าของผลงานจะได้เอนหลังหลับตาพักผ่อนชั่วครู่ ก็มีเสียงเรียกจากคนคุ้นเคยลอดผ่านประตูห้องน้ำลอยเข้าโสตประสาท
‘วัล......วัลลี่‘
…
!!??
คำเรียกที่ไม่ได้ถูกเอื้อนเอ่ยมานาน เงื้อฟาดสติสตังที่เด็กหนุ่มอุตส่าห์รวบรวมระหว่างทำความสะอาดเสียจนแตกกระเจิง
+
โดยถ้าเปิดประตูเข้ามาดูจะพบหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังนั่งคุกเข่า มือหนึ่งถือน้ำยาทำความสะอาด อีกมือหนึ่งถืออุปกรณ์ กำลังทำความสะอาดพรมพร้อมกับขัดผนังห้องอย่างเมามันส์ ลบเลือนร่องรอยที่คนในห้องน้ำก่อ
ทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็วภายใน 1 ชั่วโมง สภาพห้องก็กลับมาเรียบร้อยเนียนกริบ ไร้ซึ่งร่องรอย และ ‘หลักฐาน’ ใดๆที่บ่งชี้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้า
(ข่อยสูน +1)
+
คราวนี้ถอนหายใจเสียงดังด้วยความขุ่นเคือง แต่ก็ได้แต่โยนอารมณ์ด้านลบทิ้งไป ยักไหล่กระดกแขนยืดเส้นไล่ความเมื่อยขบ
ก่อนจะย่างก้าวไปที่ตู้เก็บ ‘สรรพสิ่ง‘ สารพัดของกุ๊กกิ๊กของวัลเลริกล้วนอยู่ที่นี่
ถ้าคุณหูดีจะได้ยินเสียงกุกกักกุกกักดังมาจากห้องนอน
(รอดไปนะ 🫵)
+
หลังแผ่นหลังของเพื่อนสนิทหายลับเข้าไปในห้องน้ำ วัลผู้ไม่ล่อนจ้อนแล้วลอบถอนหายใจ ที่สถานการณ์ตึงเครียดตรงหน้าผ่านพ้นไป จะได้พักหายใจหายคอเสียที
ตาคมเหลือบหันกลับมามองดูสภาพห้องนอนของตน—
กลิ่นบุหรี่อบอวลไปทั่วห้อง เถ้าบุหรี่หล่นประปรายอยู่บนพื้นพรม มีร่องรอยอารยธรรม รอยจี้บุหรี่เด่นหราอยู่บนกำแพงห้อง
“เห้อ…”
+
(แดงมาแดงกลับ มะโกง)
30.09.2025 20:00 — 👍 2 🔁 1 💬 0 📌 0 เสียงสาบเสื้อเสียดสีไปตามร่างเมื่อถูกสวมลงกายดังกลบความเงียบงัน ตัวคนดำดิ่งอยู่ในห้วงความคิด ขบคิดถึงเรื่องคำพูด ‘ผิดแผก‘ จากปากอีกคน ที่ลอยเข้าโสตประสาท
แต่ก็ถูกระงับไว้ด้วยกลิ่นบุหรี่ที่ยังอบอวลไปทั่วห้อง รอคอยการ ‘จัดการ’ เหมือนดั่งเครื่องเตือนสติว่าตนยังอยู่ที่นี่ และต้องทำอย่างไรต่อ—
(มะเป็นชีกอแล้ว //แปะๆๆ 🙏🥹)
โดยไม่เหลือบหันไปมองอีกหนึ่งชีวิตที่อยู่ภายในห้องเดียวกัน…
เพราะละอายใจเสียจนไม่สามารถหันกลับไปมอง…
ความรู้สึกนี้ ตีตื้นผสมปนเปไปกับความเศร้าเสียใจในสิ่งที่ได้ทำลงไป มันเข้ากัดกินหัวใจของวัลเลริก โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นสภาพที่ ‘ไม่ปกติ’ ของเพื่อนสนิท
+
…
…
…
เจ้าของเรือนผมสีแดงก้าวขาเดินตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าโดยไม่เอ่ยอะไร ก่อนจะหยิบเสื้อผ้าออกมา ทั้งเสื้อกล้ามและกางเกงขายาว
ท่าทางไม่ได้เย็นชา แต่ก็ไร้ซึ่งคำปลอบโยน คาดเดาอารมณ์ได้ยากภายใต้สีหน้าซับซ้อน และแผ่นหลังที่ออกห่างไปเรื่อยๆ
“นายไปอาบน้ำเถอะ”
เอ่ยบอกเสียงเรียบ ภายในน้ำเสียงเจืออ่อนล้า เป็นทางลงสุดท้ายก่อนที่เจ้าตัวจะเริ่มสวมเสื้อผ้าในมือ
+
สายตาจ้องมองมาที่ตัว
ประดุจเขาเป็นสัตว์ร้าย
ดั่งปีศาจโสมม
ชั่วช้าสามานย์ ไม่สมควรได้เกิ—
‘......ว-วัล‘
สิ้นเสียงเอ่ยนาม ความเข้าใจผิดก็เหมือนถูกแถลงไขโดยพลัน ด้วยประโยคว่าตน ‘ไม่ใช่มัน’
ด้วยเสียงแหบพร่าราวกับกระซิบ…
กายสูงใหญ่หยุดสั่นเทิ้มทันควันหลัง สงบนิ่งเหมือนมหาสมุทรหลังพายุพัดผ่าน ทิ้งบรรยากาศเงียบงันชวนน่าอึดอัดเข้าปกคลุม
+