ATP.Nestle's Avatar

ATP.Nestle

@atpdotnestle.bsky.social

สวัสดีครับ อยู่กับผม "เอทีพีดอทเนสท์เล่" ดูช่องทางอื่น ๆ : linktr.ee/atp_nestle

61 Followers  |  87 Following  |  831 Posts  |  Joined: 17.10.2024  |  2.8964

Latest posts by atpdotnestle.bsky.social on Bluesky

เจอกันในยูทูบ @atpdotnestle ครับ เย็นนี้เนอะทุกคน แล้วเจอกัน

01.12.2025 08:30 — 👍 0    🔁 0    💬 0    📌 0
Post image Post image Post image

แล้วก็มีการวางผังเส้นทางรถเมล์กับรถไฟใหม่อ่ะนะ ล่าสุดมีรถไฟรางเบา ว่าง ๆ คงอัปเดตให้ชม

01.12.2025 08:29 — 👍 0    🔁 0    💬 1    📌 0
Post image

สวัสดีฮะทุกคน ผมกลับมาอัดคลิปเกม Theotown แมปรังนกแล้วนะ หากแต่การอัดคลิปมีปัญหา จริง ๆ อัดรวมคลิปนี่ประมาณ 25-40 นาทีเลย ผ่านไป 2 เลเวลเลยด้วย หากแต่แอปอัดหน้าจอดันมีปัญหาอ่ะนะ
อย่างแรกเลย ผมเวนคืนทำทางรถไฟใหม่ อัปเกรดทางหลวงใหม่ ทำแนวเขตเมือง ตั้งชื่อเมืองใหม่ วางแผนและสร้างผังเมืองหลวงเพิ่มใหม่อีกฝั่งแม่น้ำ หากแต่ตอนนี้ยังไม่ได้ตั้งชื่ออ่ะนะ

01.12.2025 08:29 — 👍 0    🔁 0    💬 1    📌 0
Preview
หาดใหญ่ระทม! ทรัพย์สินเสียหายยับกองพะเนิน เจ้าของบ้านไม่มีที่ไปต้องทนอยู่ | เดลินิวส์ ชาวบ้านหาดใหญ่บางคนยังไม่กล้าเข้าอยู่ หลังบ้านถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา หวั่นเชื้อโรค แบคทีเรีย กลิ่นอับชื้นส่งผลกระทบกับสุขภาพ ส่วนบางคนต้องทนเข้าอยู่เพราะไม่มีที่ไป ทรัพย์สินในบ้านเสียหายเกือบทั้งหมด

ชาวบ้านหาดใหญ่บางคนยังไม่กล้าเข้าอยู่ หลังบ้านถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา หวั่นเชื้อโรค แบคทีเรีย กลิ่นอับชื้นส่งผลกระทบกับสุขภาพ ส่วนบางคนต้องทนเข้าอยู่เพราะไม่มีที่ไป ทรัพย์สินในบ้านเสียหายเกือบทั้งหมด

สามารถติดตามต่อได้ที่ : www.dailynews.co.th/news/5357350/
#ชาวบ้านหาดใหญ่ #น้ำท่วมภาคใต้
#ข่าว #ข่าววันนี้
#เดลินิวส์ #เดลินิวส์ออนไลน์

01.12.2025 07:48 — 👍 0    🔁 1    💬 0    📌 0
Post image

บัวลอยยยย !

01.12.2025 07:54 — 👍 0    🔁 0    💬 0    📌 0

ปีนี้เป็นฤดูหนาวที่ฝนตกเยอะเป็นพิเศษ

01.12.2025 07:53 — 👍 0    🔁 0    💬 0    📌 0
Preview
China consumers use AI to alter product photos, claim refunds for ‘damaged’ goods ‘Immoral’ online buyers create fake discrepancies across range of products; experts warn AI bandits that they could be committing fraud.

คนจีนใช้ AI แต่งรูปสินค้าให้ดูเน่าเสียเพื่อเนียนเคลมเงินจากผู้ขาย
www.scmp.com/news/people-...

01.12.2025 04:19 — 👍 0    🔁 1    💬 0    📌 0

บางคนนี่ก็แตงโมแฟลก/คริสตมาสแฟลก เขียวๆแดงๆแล้วแต่ช่วง

01.12.2025 05:54 — 👍 0    🔁 2    💬 0    📌 0
Post image Post image Post image Post image

เช้านี้...

01.12.2025 02:04 — 👍 2    🔁 2    💬 1    📌 0
Post image Post image Post image Post image

ท้องฟ้าฤดูหนาวที่แท้ทรู

01.12.2025 02:02 — 👍 3    🔁 0    💬 0    📌 0

เขาก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมยังไงยังงั้น แต่ก็รู้ดี ก็คงไม่กล้าโดดข้ามเส้นไปมากกว่านี้

29.11.2025 09:44 — 👍 0    🔁 2    💬 0    📌 1

มารู้ตัวอีกที เป็นสังคมไร้เงินสด โดยสัมบูรณ์

ขึ้นทางด่วน ใช้ EasyPass เติมเงินผ่านแอพธนาคาร

จองตั๋วรถ ใช้บัตรเครดิต

ซื้อของเซเว่น ใช้ app เซเว่น ถูกทรูมันนี่ ตัดผ่านบัตรเครดิต

เดินตลาดนัดตอนเย็น จ่ายผ่านคนละครึ่งพลัส

ตอนนี้ธนบัตรเต็มกระเป๋า รอระบาย 😂

26.11.2025 11:07 — 👍 5    🔁 2    💬 0    📌 0
Post image

ทำบุญออฟฟิสใหม่ นิมนต์พระ เจิมห้อง Server ให้ ข้อมูลวิ่งแรงๆ พุ่งปรี๊ด CPU ไม่ติดขัด 😂

27.11.2025 04:40 — 👍 13    🔁 16    💬 1    📌 1

เคยคิดคล้ายๆ กัน แล้วก็ ตกผลึกว่า ถ้าตายไปแล้ว มันก็ไม่ใช่ปัญหาของเราอีกต่อไป นินา เพราะไม่รับรู้แล้ว 😂

เป็นปัญหาของคน ที่ยังอยู่ 😆

27.11.2025 07:53 — 👍 2    🔁 1    💬 0    📌 0
Post image

มาไกลเหมือนกันนะเนี่ย...

29.11.2025 16:01 — 👍 25    🔁 24    💬 0    📌 0

วันก่อน เจอ 1678 โทรมา

สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็น Ai โทรมาเพื่อ นำเสนอโปรโมชั่น สิทธิประโยชน์ xxx

//me กดวางสายฉับพลัน 😓

โถ ไม่ดูตัวอย่าง แก๊งค์คอล ยังลงทุน ใช้คนจริง ทำงานเป็นทีม มีคุยรับ ส่งต่อกัน เป็นทอดๆ ใส่ใจดูแล คุยกับลูกค้าได้ เป็นสิบยี่สิบชั่วโมง โดยไม่วางสาย

นี่อะรัย ไม่ใจเลยอ่ะ 😂

29.11.2025 02:19 — 👍 3    🔁 8    💬 0    📌 1
Post image

เห้อ

29.11.2568

29.11.2025 00:29 — 👍 2    🔁 2    💬 0    📌 0
Preview
‘ระบบเตือนภัย 2 ทาง’ แอปใหม่ที่ญี่ปุ่นกำลังพัฒนา ความเป็นไปได้ที่คนไทย ‘ใฝ่ฝัน’ ‘ระบบเตือนภัย 2 ทาง’ แอปใหม่ที่ญี่ปุ่นกำลังพัฒนา ความเป็นไปได้ที่คนไทย ‘ใฝ่ฝัน’ รายงาน : สิรภพ พุ่มพึ่งพุทธ auser15 Sat, 2025-11-29 - 12:13 กมธ.พัฒนาการเมืองฯ วุฒิสภาเชิญ รศ.มิเนโอะ ทาคาอิ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยโอซาก้ามาเราโครงการล่าสุดที่กำลังทำ ระบบเตือนภัย 2 ทาง รัฐแจ้งประชาชนได้ ประชาชนแจ้งรัฐได้ แม้ภัยพิบัติหนักมาก ไม่มีไฟฟ้า เสาสัญญาณต่างๆ ล้ม เน็ตล่มหมด แต่ ‘เน็ตฉุกเฉิน’ จะยังมีอย่างน้อย 3 วันที่ขาดไฟฟ้า ภาพถ่าย ตำแหน่ง ต่างๆ จะถูกส่งมายังทีมช่วยเหลือได้ และทำให้ส่วนกลางประเมินสภาพได้รวดเร็ว ทั่วถึง  เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2568 ที่ผ่านมา คณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน สิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา (กมธ.พัฒนาการเมืองฯ) เชิญ รศ.มิเนโอะ ทาคาอิ ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยโอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น และคณะวิจัยพัฒนาเทคโนโลยี เดินทางมาบรรยายที่รัฐสภาในประเด็นการจัดการในสถานการณ์ภัยพิบัติผ่านการใช้เทคโนโลยีของระบบการเตือนภัยพิบัติแบบสองทางของญี่ปุ่นและสาธิตตัวอย่างแอปพลิเคชันดังกล่าว รศ.มิเนโอะ ทาคาอิ เริ่มต้นจากการปูพื้นฐานความเข้าใจบริบทสถานการณ์ภัยพิบัติที่ประเทศญี่ปุ่นต้องเผชิญตลอดเวลาที่ผ่านมาว่า ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ตั้งอยู่บริเวณวงแวนแห่งไฟ (Ring of Fire) ทำให้ต้องพบเจอภัยจากแผ่นดินไหว สึนามิ นอกจากนี้ยังมีไต้ฝุ่น น้ำท่วม และพายุหิมะ จึงทำให้ญี่ปุ่นต้องพัฒนาระบบแจ้งเตือนภัยพิบัติเพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินที่อาจเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ การแจ้งเตือนภัยพิบัติในประเทศญี่ปุ่นถูกให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หากมองจากความคุ้นเคยของคนไทยอย่างการใช้ระบบ Cell Broadcast ที่ถูกนำมาใช้งานไม่นานนี้ ญี่ปุ่นก็ยังใช้ช่องทางอย่างการประกาศข้อมูลผ่านลำโพงกระจายเสียงและถ่ายทอดผ่านโทรทัศน์ เป็นการแจ้งเตือนพื้นฐานของประเทศอยู่ แต่ก็ได้ยกระดับการแจ้งเตือนขึ้นไปอีกขั้นผ่าน 2 ระบบคือ J-ALERT และ L-ALERT เพื่อแจ้งเตือนประชาชนในบริเวณที่เกิดเหตุสามารถเข้าถึงถึงข้อมูลข่าวสารอย่างรวดเร็ว J-ALERT เป็นการแจ้งเตือนทั่วไปในระดับภูมิภาคอย่างรวดเร็วเพื่อให้ประชาชนได้รับข้อมูลข่าวสารอย่างทั่วถึง ต่อกรณีที่ภัยพิบัติมีพื้นที่กว้าง เป็นการแจ้งเตือนล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมการรับมือต่อสถานการณ์ที่จะมาถึง อย่างเหตุพายุไต้ฝุ่นพัดขึ้นฝั่ง น้ำท่วม หิมะตก โดยผู้ดูแลระบบดังกล่าวคือหน่วยงานส่วนภูมิภาค แต่การส่งการแจ้งเตือนข้อมูลแก่ประชาชนนั้นเป็นระบบอัตโนมัติ L-ALERT เป็นการแจ้งเตือนเหตุการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่เฉพาะเจาะจงในท้องถิ่น เพื่อประกาศแจ้งเตือนสถานการณ์ฉุกเฉิน แนวทางการรับมือ รวมไปถึงพื้นที่อพยพ เป็นคำแนะนำแก่ประชาชนโดยละเอียด เช่น เหตุแผ่นดินไหว น้ำท่วม หรือสึนามิ โดยหน่วยงานท้องถิ่นเป็นผู้ดูแลระบบและจัดเตรียมข้อมู,ในการแจ้งเตือนเหตุการณ์ดังกล่าว แต่ใช่ว่าระบบที่มีอยู่จะดีที่สุด อาจารย์ทาคาอิยกตัวอย่างปัญหาของระบบการแจ้งเตือนที่ใช้อยู่โดยทั่วไปของญี่ปุ่นว่า ในบางกรณีพื้นที่เสาส่งสัญญาณเกิดขัดข้อง ได้รับเสียหายจากภัยพิบัติก็ อาจทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และขอความช่วยเหลือแก่ทางการได้ อย่างเหตุการณ์ไต้ฝุ่นฮาลองพัดขึ้นฝั่งที่หมู่เกาะอิซุในวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา ทำให้น้ำท่วมสูง ไฟฟ้าขัดข้อง และเสาสัญญาณโทรศัพท์ได้รับความเสียหาย ทำให้ทางการไม่สามารถส่งข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนผู้ประสบภัยได้ ทางการญี่ปุ่นต้องการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นจากช่องโหว่ที่เกิดขึ้นนี้ จึงก่อเกิดแนวคิดการพัฒนาการระบบเตือนภัยแบบสองทางขึ้น เพื่อเป็นระบบสำรอง ต่อมาอาจารย์ทาคาอิ กล่าวถึงข้อสังเกตต่อภัยพิบัติในญี่ปุ่น จากข้อมูลการแจ้งเตือนเหตุแผ่นดินไหวจากระบบ J-ALERT พบว่าประเทศญี่ปุ่นเกิดแผ่นดินไหวคิดเป็นร้อยละ 0.25 ของพื้นที่ทั้งหมดบนโลก แต่คิดเป็นร้อยละ 15 – 20  ของพื้นที่บนโลกที่มีแผ่นดินไหวมากกว่า 6 ริกเตอร์ขึ้นไปที่ตั้งอยู่บริเวณโดยรอบญี่ปุ่น ทำให้เห็นว่าพื้นที่นี้เป็นพื้นที่ที่มีความถี่ในการเกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งที่หนึ่งของโลก นอกจากแผ่นดินไหว ญี่ปุ่นต้องเผชิญภัยพิบัติอย่างไต้ฝุ่นที่เกิดขึ้นโดยรอบประเทศเฉลี่ย 11 ลูกต่อปี และมีจำนวนถึง 3 ลูกที่พัดขึ้นฝั่ง ด้วยเหตุผลนี้ทำให้ประชาชนญี่ปุ่นมีความตระหนักถึงความสำคัญในการรับมือภัยพิบัติ อันมาจากประสบการณ์ที่พบเจอมาจากหลายชั่วอายุคนที่บ่มเพาะจิตสำนึกอันเป็นรากฐานของประชาชนญี่ปุ่นรวมทั้งรัฐบาลด้วย นั่นทำให้รัฐบาลให้ความสำคัญและสนับสนุนงบประมาณเพื่อพัฒนาระบบแจ้งเตือนสาธารณะภัยแก่หน่วยที่กำกับดูแล รวมทั้งท้องถิ่นที่ต้องลงทุนเตรียมการรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เป็นที่มาในการพัฒนาโครงการที่พัฒนาอยู่ให้เป็นทางเลือกนอกเหนือจากระบบที่มีอยู่ ในที่นี้คือระบบการเตือนภัยพิบัติแบบสองทาง ซึ่งเขาและคณะกำลังร่วมกันพัฒนา อาจารย์ทาคาอิ ได้ร่วมวิจัยระบบเตือนภัยพิบัติแบบสองทางร่วมกับ Space Dynamics Corporation เพื่อพัฒนาระบบที่มีชื่อว่า Disaster Response IoT (DR-IoT) หรือระบบอินเทอร์เน็ตสำหรับการรับมือภัยพิบัติ หรือคือระบบการแจ้งเตือนข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนในการรับมือภัยพิบัติ ด้วยแนวคิด Add-on และ On-top ใช้เป็นระบบสำรองในกรณีฉุกเฉิน โดยระบบนี้ไม่ใช่เพียงแค่การแจ้งเตือนประชาชนในทางเดียวอย่างที่ระบบเดิมมีอยู่ แต่เป็นการสร้างช่องทางเสริมที่ให้ประชาชนสามารถส่งข้อมูล ภาพถ่าย หรือพื้นที่ขอความช่วยเหลือ กลับมายังเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในพื้นที่ได้อีกด้วย ระบบ DR-IoT ในขั้นตอนการออกแบบ อาจารย์คำนึงถึงเทคโนโลยีเครือข่ายการสื่อสารที่มีอยู่เดิมของประชาชนในปัจจุบันเป็นปัจจัยสำคัญ เพื่อไม่สร้างความยุ่งยากให้แก่ประชาชนจึงเลือกใช้ Wi-Fi (Wireless Fidelity) เป็นเครือข่ายหลักในการรับส่งสัญญาณ โดยเป็นการวางโครงสร้างเครือข่ายสื่อสารผ่านการติดตั้งกล่องส่งสัญญาณ Wi-Fi ที่มีรัศมีครอบคลุมทั่วทั้งพื้นที่ พร้อมสร้างสถานี DR-IoT ที่จะติดตั้งเสาส่งสัญญาณขนาดใหญ่สามารถส่งสัญญาณได้รัศมี 20-25 กิโลเมตรไว้ตามแต่ละจุดรอบเมืองที่ใกล้กับศาลากลาง ศูนย์อพยพ และสถานีดับเพลิง เพื่อใช้เป็นพื้นที่รับรองการช่วยเหลือประชาชน และใช้เป็นศูนย์ประสานงานของเจ้าหน้าที่ โดยกล่องสัญญาณดังกล่าวจะปล่อยสัญญาณ Wi-Fi เป็นรัศมี 100 เมตร สัญญาณดังกล่าวจะเปิดใช้งานเฉพาะกรณีฉุกเฉินเท่านั้น เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงสัญญาณในการรับส่งข้อมูลกับทางการได้ ถึงอย่างไรระบบดังกล่าวก็พัฒนาบนพื้นฐานแนวคิดอีกด้านคือการเป็นเครื่องมือในการอำนวยความสะดวกแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่อีกทาง เพื่อใช้เป็นในระหว่างปฏิบัติหน้าที่ในพื้นที่ประสบภัยที่ถูกตัดขาดจากสัญญาณ นอกจากนี้กล่องสัญญาณที่ถูกติดตั้งในกรณีที่ไฟฟ้าถูกตัดขาดจะสามารถทำงานด้วยไฟฟ้าสำรองได้ถึง 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน ซึ่งเป็นมาตรฐานเวลาการใช้งานขั้นต่ำในการปฏิบัติการช่วยเหลือของเจ้าหน้าที่ หากแบตเตอรีหมดก็สามารถใช้ พาวเวอร์แบงค์ (Power Bank) ชาร์จต่อได้ก้อนละ 6–7 ชั่วโมง อันเป็นการเตรียมความพร้อมในการรับมือทุกด้าน ระบบ DR-IoT จะปฏิบัติการบนแอปพลิเคชันที่ทางการกำหนดให้ประชาชนติดตั้งไว้ในโทรศัพท์ เพื่อรับการแจ้งเตือนจากทางการและรับ - ส่ง ข้อมูลระหว่างผู้ประสบภัยกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งแอปพลิเคชันจะทำงานอัตโนมัติหากเกิดเหตุภัยพิบัติ ผู้ที่ติดตั้งแอปพลิเคชันจะถูกจะเชื่อมต่อกับสัญญาณที่ถูกติดตั้งไว้ทั่วเมืองโดยอัตโนมัติเพื่อรับ – ส่ง ข้อมูลกับทางการ ในแอปพลิเคชันสามารถรับข้อมูลจากทางการ ส่งขอความช่วยเหลือผ่านข้อความ ภาพ และเสียง รวมไปถึงสามารถใช้งานแผนที่ที่จะระบุที่ตั้งสถานตั้งศูนย์อพยพหรือบริเวณที่อันตราย โดยเจ้าหน้าที่จะผู้รับข้อมูลจะสามารถทราบถึงความต้องการของประชาชน แล้วจัดลำดับความสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ต่อไปได้ นอกจากนี้การแจ้งเตือนข่าวสาร และรับ-ส่ง ข้อมูล แอปพลิเคชันยังสามารถใช้ในการลงทะเบียนการเข้ามายังศูนย์อพยพ ผ่านการแสกน QR Code เพื่อยืนยันตัวตนและเป็นการแจ้งต่อหน่วยงานผู้รับผิดชอบในการทราบถึงข้อมูลของประชาชนในพื้นที่ภัยพิบัติ ข้อมูลดังกล่าวจะถูกนำไปใช้ในการจัดเตรียมสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนตามความต้องการ ทั้งยังเป็นเครื่องมือแบ่งเบาหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ที่ต้องจัดเก็บข้อมูลเพื่อรวบรวมส่งส่วนกลางในการใช้ประเมินสถานการณ์ ความพิเศษอีกอย่างที่ระบบดังกล่าวทำได้คือ การแจ้งข้อมูลกลับไปยังครอบครัวผู้ประสบภัยถึงสถานของคนในครอบครัวเช่น “อยู่ที่ศูนย์อพยพแล้ว” หรือ “ได้รับการช่วยเหลือแล้ว” จากการแจ้งของเจ้าหน้าที่ ไม่ใช่เพียงแค่การรับสารของประชาชนทางเดียว แต่ประชาชนยังสามารถสื่อสารได้ เป็นระบบการสื่อสารแบบสองทางที่ทำระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ได้รับการช่วยเหลือตามความเหมาะสม และสร้างความสบายใจให้แก่ครอบครัวผู้ประสบภัย หากยกตัวอย่างการดำเนินการติดตั้งระบบดังกล่าวในปัจจุบัน จังหวัดโคจิ (Kochi Prefecture) เป็นจังหวัดหนึ่งที่เลือกลงทุนนำร่องโครงการเพื่อติดตั้งระบบ DR-IoT ในสองเมืองนั้นคือ เมืองโคนัน (Konan City) และเมืองโคจิ (Kochi City) เนื่องด้วยพื้นที่ดังกล่าวมีความเสี่ยงต่อการเกิดแผ่นดินไหวสูง และความรุนแรงมากพอที่จะเกิดสึนามิได้ ด้วยเหตุที่ตั้งอยู่บนรอยเลื่อนร่องลึกนันไก มีรอบระยะเวลาการเกิดแผ่นดินไหวทุก 90 – 150 ปี ซึ่งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นคือเมื่อปี 1946 จึงทำให้จังหวัดดังกล่าวต้องดำเนินการสร้างเครื่องมือรองรับสถานการณ์คาดว่าจะเกิดล่วงหน้า แม้โครงการดังกล่าวจะมีค่าใช้จ่ายที่สูง แต่จังหวัดก็ยังคงเลือกที่จะลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมต่อภัยพิบัติที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต ด้านงบประมาณโครงการจากการติดตั้งระบบ DR-IoT ในเมืองโคจินั้น มีมูลค่ารวม 400 ล้านเยน แบ่งเป็นค่าอุปกรณ์ (Hardware) 140 ล้านเยน ค่าพัฒนาระบบ (Software) 60 ล้านเยน และส่วน 200 ล้านเยนคือค่าติดตั้งซึ่งมีราคาสูงตามมาตรฐานค่าแรง (ญี่ปุ่นมีกฎหมายคุ้มครองแรงงานที่เข้มแข็ง) อาจารย์ทาคาอิเปรียบเทียบความคุ้มค่าระหว่างการติดตั้ง DR-IoT กับระบบ Starlink (โครงการอินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียมความเร็วสูงของบริษัท SpaceX) ในเมืองโคนัน ที่มีจุดติดตั้งจำนวน 97 จุด ว่า แม้ Starlink จะมีค่าอุปกรณ์เริ่มต้นถูกกว่าจากราคา 400,000 เยนต่อจุด แต่มีภาระค่าบริการและบำรุงรักษารายปีที่สูงนั้นคือ 1 ล้านเยนต่อจุด หรือคิดเป็นเงินปีละ 97 ล้านเยน ในขณะที่ DR-IoT หากเทียบกรณีเมืองโคจิลงทุน 400 ล้านเยน แต่เมืองมีขนาดใหญ่กว่าเมืองโคนันถึง 3 เท่า จึงทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงมาเหลือ 1 ใน 3 หรือคิดอย่างหยาบคือ 130 ล้านเยน ต่อ 97 จุด ทั้งเป็นการลงทุนครั้งเดียวโดยไม่มีค่าบำรุงรักษาต่อเนื่อง 3-5 ปี หรือกล่าวอย่างสรุปด้วยวลีที่ว่า “เจ็บแต่จบ” ได้เลยทีเดียว ก่อนจบบรรยายและสาธิตตัวอย่างแอปพลิเคชัน ได้มีคำถามจากผู้เข้าร่วมต่อประเด็นข้อความที่จะปรากฏยังมือถือในกรณีใช้ Cell Broadcast หรือ DR-IoT ว่า “หากการแจ้งเตือนมีความคลาดเคลื่อน หรือมีความผิดพลาด จะมีบทลงโทษผู้ที่ส่งข้อความหรือไม่”  อาจารย์ทาคาอิ อธิบายว่าว่า “J-ALERT จะไม่มีมนุษย์เป็นผู้ดูแลการส่งข้อความแจ้งเตือน เพราะจะเป็นระบบส่งข้อความอัตโนมัติ แต่ L-ALERT เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเป็นผู้ดูแล ในญี่ปุ่นกรณีที่ส่งข้อความคลาดเคลื่อนนั้นมีบทลงโทษทางกฎหมาย แต่การลงโทษอยู่บนฐานคิดที่ว่า “ชีวิตประชาชนสำคัญที่สุด” กรณีผิดพลาดจากการออกคำสั่งให้ประชาชนอพยพมายังศูนย์ฯ ทั้งที่เหตุอาจไม่ร้ายแรง ผู้ออกคำสั่งจะมีโทษ แต่น้อยกว่าการที่ไม่แจ้งเตือนใดๆ กับประชาชน เพราะหากผิดพลาดมันหมายถึงความญเสียของชีวิตประชาชน เพื่อป้องกันความกลัวที่จะตัดสินใจของผู้ปฏิบัติ “สั่งอพยพยังดีกว่าไม่สั่งอะไรเลย”” คำถามต่อมา “ในกรณีที่ผู้ประสบภัยประสงค์จะอยู่ยังพื้นที่อาศัยของตนเอง ไม่ยินยอมอพยพ ในประเทศญี่ปุ่นเคยพบเจอเหตุการณ์ดังกล่าวหรือไม่ แล้วหากพบเจอจะดำเนินการอย่างไร” อาจารย์ทาคาอิ ให้ความเห็นว่า “ที่ญี่ปุ่นมีเหมือนกับประเทศไทย เหตุการณ์เกิดขึ้นที่แผ่นดินไหวโกเบปี 1995 ที่ผู้สูงอายุไม่ยินยอมจะออกจากคอนโดมิเนียม เพราะคิดว่าเหตุการณ์ไม่ร้ายแรง ทางการเลยดำเนินการแก้ไขโดยการให้ประชาชนทำแบบสอนถาม “ยินยอมจะไม่อพยพ” โดยเลือกที่อยู่ของตนเป็นที่อพยพ แต่ทางการจะไม่ส่งน้ำหรืออาหารให้ หากมีความประสงค์จะรับอาหารหรือสิ่งของจากทางการต้องเดินทางมารับยังศูนย์อพยพเอง หรือให้ตัวแทนในชุมชนเป็นผู้เดินทางออกมารับ (เป็นระบบที่ให้สังคมบริเวณนั้นดูแลสอดส่อง ช่วยเหลือด้วยกันเอง) ทั้งนี้ในกรณีที่อาคารหรือบ้านเรือนพังถล่มหรือเสียหายเกินกว่าที่จะสามารถอยู่อาศัยได้ โดยทั่วไปทางการจะเป็นผู้ออกเอกสารรับรองให้ว่า “บ้าน/อาคารหลังนี้ ได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหว” เพื่อนำไปเบิกยังบริษัทประกันที่ตนนได้ทำเอาไว้ (ที่ประเทศญี่ปุ่นประชาชนส่วนใหญ่ทำประกันบ้านเรือนของตน โดยครอบคลุมถึงกรณีเหตุแผ่นดินไหว) แต่ถ้าไม่ยินยอมอพยพทางการก็จะไม่ออกใบรับรองให้ หากไม่มีใบรับรองก็ไม่สามารถเบิกบริษัทประกันได้ (เช่นเดียวกับกรณีที่ไม่ได้ทำประกันเอาไว้ ทางการไม่มีการเยียวยาความเสียหายใดๆที่เกิดขึ้น) ” ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเตรียมการไม่เพียงแต่สิ่งที่อยู่ตรงหน้า แต่มองไปถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดก็ตาม... จากการบรรยายในครั้งนี้ทำให้ต้องย้อนกลับมามองดูการดำเนินการเตรียมความพร้อมในการรับมือภัยพิบัติของประเทศไทยว่า เหตุใดทำไมประเทศไทยจึงล้มเหลวในการแจ้งเตือนและรับมือภัยพิบัติบ่อยครั้ง ทำไมประชาชนพึ่งพากันเองมากกว่ารัฐให้ความช่วยเหลือ และเมื่อไรทางการไทยจะให้ความสำคัญการการจัดการภัยพิบัติ? อุทกภัยที่หาดใหญ่ในครั้งนี้ก็เป็นภาพแทนถึงความล้มเหลวของทางการไทยต่อการเตรียมความพร้อมได้เป็นอย่างดี * รายงานพิเศษ * สังคม * คุณภาพชีวิต * ต่างประเทศ * สิ่งแวดล้อม * ญี่ปุ่น * ภัยพิบัติ
29.11.2025 05:17 — 👍 1    🔁 3    💬 0    📌 0
Preview
กสทช. รับรองผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ในระบบ FM กสทช. รับรองผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ในระบบ FM auser15 Sat, 2025-11-29 - 13:06 กสทช. รับรองผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ในระบบ FM และรับทราบแนวทางการเตรียมความพร้อมในการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2568 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้มีการประชุม กสทช. ครั้งที่ 35/2568 ซึ่งเป็นการประชุมต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 26 – 27พฤศจิกายน 2568 ณ สำนักงาน กสทช. นางสาวอรดา เทพยายน ผู้ช่วยเลขาธิการ รักษาการแทนเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า วันนี้มีระเบียบวาระเข้าสู่ที่ประชุม กสทช. จำนวนทั้งสิ้น 60 วาระ ผ่านการพิจารณาทั้งสิ้น 37 วาระ โดยมีระเบียบวาระที่น่าสนใจ ดังนี้ วาระที่ 6.2 การรับรองชื่อผู้ชนะการประมูลคลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการทางธุรกิจ ระดับท้องถิ่น กสทช. รับรองรองรายชื่อชนะการประมูลคลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการทางธุรกิจ ระดับท้องถิ่น จำนวน 1,895 คลื่นความถี่ (นิติบุคคล) ในที่ประชุม และมอบหมายให้สำนักงาน กสทช. ประกาศรายชื่อผู้ชนะการประมูลให้ทราบเป็นการทั่วไปผ่านทางเว็บไซต์ของสำนักงาน กสทช. และอนุญาตให้ผู้ชนะการประมูล ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการทางธุรกิจ ระดับท้องถิ่น เมื่อได้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช.  เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการกระจายเสียง ข้อ 21 ครบถ้วน ภายในระยะเวลาที่ประกาศกำหนด โดยกำหนดให้ใบอนุญาตมีอายุไม่เกิน 5 ปี เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2573 และให้มีขอบเขตพร้อมทั้งเงื่อนไขการใช้คลื่นความถี่ตามที่กำหนดไว้ในประกาศเชิญชวน ทั้งนี้ กรณีผู้ชนะการประมูลอยู่ในพื้นที่ประสบมหาอุทกภัยน้ำท่วมที่ทำให้ไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขในภายในระยะเวลาที่กำหนด ขอให้ประสานแจ้งสำนักงาน กสทช. เพื่อขอขยายระยะเวลา         สำหรับ กรณีคลื่นความถี่ที่เหลือจากการประกาศเชิญชวนในครั้งนี้ สำนักงาน กสทช. จะทำรายงานเสนอ กสทช. เพื่อพิจารณาการใช้ประโยชน์จากคลื่นความถี่และบริหารจัดการคลื่นความถี่ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป วาระที่ 6.3 การพิจารณาคำขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการบริการสาธารณะ และประเภทกิจการบริการชุมชน ตามประกาศเชิญชวนขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ ระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการบริการสาธารณะและประเภทกิจการบริการชุมชน (เพิ่มเติม) กสทช. อนุญาตให้ผู้สมควรได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง ประเภทกิจการบริการสาธารณะ จำนวน 485 คลื่นความถี่ และประเภทกิจการบริการชุมชน จำนวน 114 คลื่นความถี่ ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ เมื่อได้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่และประกอบกิจการกระจายเสียง ข้อ 21 ครบถ้วนภายในระยะเวลาที่ประกาศกำหนดโดยกำหนดให้ใบอนุญาตมีอายุไม่เกิน 5 ปี นับแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2573 และให้มีขอบเขตพร้อมทั้งเงื่อนไขการใช้คลื่นความถี่ตามที่กำหนดไว้ในประกาศเชิญชวน ทั้งนี้ กรณีผู้ทดลองออกอากาศที่ไม่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้สมควรได้รับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ฯ ให้สิ้นสุดการออกอากาศตามบทเฉพาะกาล ในวันที่ 31 ธันวาคม 2568 และให้เพิกถอนใบอนุญาตตามกฎหมาย ว่าด้วยวิทยุคมนาคมที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องวิทยุคมนาคม (เครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงระบบเอฟเอ็ม และสายอากาศวิทยุกระจายเสียงระบบเอฟเอ็ม) ให้แล้วเสร็จภายใน 30 วันนับแต่วันที่สิ้นสุดการออกอากาศ วาระที่ 3.9 แนวทางการเตรียมความพร้อมในการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลสำหรับปี 2569 – 2571 กสทช. รับทราบแนวทางการเตรียมความพร้อมในการจัดสรรคลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากลสำหรับปี 2569 – 2571 และรับทราบกรอบระยะเวลาการดำเนินงานและแนวทางการศึกษาของคณะทำงานเตรียมความพร้อมในการจัดสรรคลื่นความถี่ จัดทำหลักเกณฑ์ และจัดทำวิธีการอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่สำหรับกิจการโทรคมนาคมเคลื่อนที่สากล สำหรับปี 2569 – 2571 โดยจำแนกคลื่นความถี่ออกเป็น 4 กลุ่ม ดังนี้ กลุ่มที่ 1 คลื่นความถี่ที่กำลังจะสิ้นสุดการอนุญาต ได้แก่ 2100 MHz ซึ่งจะสิ้นสุดการอนุญาต 6 ธค. 2570 กลุ่มที่ 2 คลื่นความถี่ที่พร้อมจัดสรร ได้แก่ 850 MHz 1500 MHz 1800 MHz 2100 MHz (TDD) และ26 GHZ กลุ่มที่ 3 คลื่นความที่อยู่ระหว่างการเตรียมความพร้อม 450 MHz 3300-3400 MHz 3400-3700 MHz และ 28 GHZ กลุ่มที่ 4 คลื่นความถี่ที่อยู่ระหว่างการศึกษา ได้แก่ 600 MHz 3700-4200 MHz และ 6 GHZ * ข่าว * สังคม * คุณภาพชีวิต * ไอซีที * วิทยุ * วิทยุชุมชน * วิทยุท้องถิ่น * กสทช. * วิทยุ FM
29.11.2025 06:12 — 👍 0    🔁 1    💬 0    📌 0
Preview
แอมเนสตี้ประณามไทยส่งผู้ลี้ภัยชาวมองตานญาดกลับเวียดนาม ชี้ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน แอมเนสตี้ประณามไทยส่งผู้ลี้ภัยชาวมองตานญาดกลับเวียดนาม ชี้ละเมิดหลักสิทธิมนุษยชน auser15 Sat, 2025-11-29 - 13:21 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ระบุการส่งตัว "อี ควิน เบดั๊บ" นักปกป้องสิทธิมนุษยชนชาวมองตานญาดกลับเวียดนาม เป็นการละเมิดพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของไทย เนื่องจากผู้ถูกส่งตัวมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทรมาน ภาพกราฟิก: กิตติยา อรอินทร์/ประชาไท 29 พฤศจิกายน 2568 สืบเนื่องจากการส่งตัวอี ควิน เบดั๊บ นักปกป้องสิทธิมนุษยชนผู้เป็นชนเผ่าพื้นเมืองชาวมองตานญาดและเอดี จากประเทศไทยไปยังเวียดนาม ชนาธิป ตติยการุณวงศ์ นักวิจัยประจำประเทศไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลกล่าวว่า การส่งผู้ร้ายข้ามแดนครั้งนี้เป็นความล้มเหลวอย่างร้ายแรงในพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย การส่งนักกิจกรรมที่เป็นชนเผ่าพื้นเมืองกลับไปยังประเทศที่มีหลักฐานอย่างชัดเจนเกี่ยวกับการทรมานและการเลือกปฏิบัติต่อชาวมองตานญาดทำให้อี ควิน เบดั๊บตกอยู่ในอันตรายอย่างยิ่ง “ศาลเวียดนามมีประวัติการตัดสินลงโทษนักกิจกรรมผ่านกระบวนการที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานระหว่างประเทศเกี่ยวกับการพิจารณาคดีอย่างเป็นธรรม การส่งตัวอี ควิน เบดั๊บให้กับทางการที่เขาหลบหนีมาเนื่องจากการตัดสินความผิดผ่านการพิจารณาคดีที่ไม่เป็นธรรม ถือว่าประเทศไทยได้ละเมิดหนึ่งในการคุ้มครองพื้นฐานที่สุดของกฎหมายระหว่างประเทศ “หลังจากเหตุการณ์ส่งตัวชาวอุยกูร์กลับไปยังประเทศจีนในช่วงก่อนหน้าของปีนี้ นี่คือครั้งที่สองที่ประเทศไทยส่งตัวบุคคลกลับประเทศทั้งที่มีความเสี่ยงต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง ทั้งที่มีกฎหมายห้ามทรมานและหลักการไม่ส่งกลับซึ่งบังคับใช้ในปี 2566 “ทางการไทยต้องประกันความปลอดภัยและการคุ้มครองสำหรับผู้ที่หลบหนีการประหัตประหารทุกคน รวมถึงชนเผ่าพื้นเมืองและชนกลุ่มน้อยด้านศาสนาจากเวียดนาม แทนการทำให้พวกเขาเสี่ยงต่ออันตราย” ข้อมูลพื้นฐาน เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2568 ศาลอุทธรณ์ของประเทศไทยได้มีคำพิพากษาอนุญาตให้ส่งตัวอี ควิน เบดั๊บเป็นผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งเขาเป็นผู้ลี้ภัยที่ได้รับสถานะจากองค์การสหประชาชาติและอาศัยอยู่ในประเทศไทยตั้งแต่ปี 2561 โดยทนายความของเบดั๊บได้บอกเล่าว่าการนัดฟังคำพิพากษาถูกกำหนดขึ้นล่วงหน้าเพียงหนึ่งวันเท่านั้น เบดั๊บถูกส่งตัวไปยังประเทศเวียดนามทั้งที่มีความกังวลมาอย่างยาวนานเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักกิจกรรมผู้เป็นชนเผ่าพื้นเมืองที่ถูกส่งตัวกลับ เขาถูกจับกุมในข้อหาอยู่เกินกำหนดในเดือนมิถุนายน 2567 หลังทางการเวียดนามร้องขอให้ส่งตัว โดยอ้างว่าเขาถูกตัดสินจำคุก 10 ปีในการพิจารณาคดีลับหลังจำเลยจากข้อหาก่อการร้ายในช่วงก่อนหน้าของปีดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านี้แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้เรียกร้องไม่ให้ทางการไทยส่งตัวเบดั๊บเนื่องจากมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทรมาน เบดั๊บเป็นสมาชิกของชนกลุ่มน้อยด้านชาติพันธุ์เอดีและเป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “กลุ่มมองตานญาดสู้เพื่อความยุติธรรม” (Montagnards Stand for Justice) ซึ่งบันทึกข้อมูลการละเมิดสิทธิของชุมชนชนเผ่าพื้นเมืองในที่ราบสูงภาคกลาง และสนับสนุนสิทธิด้านศาสนาและวัฒนธรรม ทางการเวียดนามกล่าวหาว่าเบดั๊บและชาวมองตานญาดอีก 5 คนเกี่ยวข้องกับการโจมตีอาคารของรัฐบาลในจังหวัดดั๊กลักเมื่อเดือนมิถุนายน 2566 แต่เบดั๊บได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้มาโดยตลอด แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้บันทึกข้อมูลการประหัตประหารชุมชนมองตานญาดอย่างกว้างขวางหลายครั้ง ซึ่งเป็นการจับกุมโดยพลการ การทรมาน และการจำกัดสิทธิอย่างรุนแรงในการปฏิบัติตามหลักศาสนาและการเดินทาง หลังจากการโจมตีในดั๊กลักเมื่อปี 2566 ชาวมองตานญาดรายงานว่ามีการควบคุมตัวผู้คนจำนวนมาก มาตรการปิดล้อมพื้นที่ด้านความมั่นคง และการสอบสวนที่ใช้ความรุนแรง หลายคนระบุว่าถูกทุบตี ถูกช็อตด้วยไฟฟ้า หรือถูกฉีดสารไม่ทราบชนิดระหว่างการสอบสวน ตามคำบอกเล่าของเบดั๊บ เขาถูกทรมานระหว่างการจับกุมเมื่อปี 2553 โดยอธิบายว่าเขาถูกทุบตีอย่างรุนแรงและถูกปฏิบัติอย่างไม่เหมาะสมที่สถานีตำรวจ คำบอกเล่าของเขาสอดคล้องกับข้อมูลที่แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลได้รายงานอย่างต่อเนื่องมากว่าทศวรรษ รวมถึงกรณีที่นักโทษถูกคุมขังในห้องที่เล็กมากเป็นเวลาหลายเดือน ถูกล่ามโซ่เป็นเวลานาน หรือได้รับอาหารและน้ำที่ปนเปื้อน แม้จะให้สัตยาบันต่ออนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติในปี 2558 แต่เวียดนามยังคงใช้แนวทางการควบคุมตัวโดยมิชอบ นักโทษทางความคิด ผู้ถูกควบคุมตัวด้วยเหตุผลทางการเมือง รวมถึงสมาชิกชนกลุ่มน้อยด้านชาติพันธุ์และศาสนายังคงตกเป็นเป้าหมาย การตัดสินใจของประเทศไทยในการส่งตัวเบดั๊บยังเป็นการละเมิดพันธกรณีตามกฎหมายระหว่างประเทศและกฎหมายภายในประเทศ หลักการไม่ส่งกลับในอนุสัญญาต่อต้านการทรมานของสหประชาชาติและในพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหายของประเทศไทยได้ห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้ส่งตัวบุคคลไปยังประเทศที่พวกเขาจะตกอยู่ในอันตรายจากการทรมาน แต่แม้จะมีพันธกรณีเหล่านี้ เมื่อไม่นานมานี้ประเทศไทยกลับส่งตัวชายชาวอุยกูร์ 40 คนกลับไปยังประเทศจีน ทำให้พวกเขามีความเสี่ยงสูงที่จะถูกละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง * ข่าว * สิทธิมนุษยชน * ต่างประเทศ * แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล * อี ควิน เบดั๊บ * เวียดนาม
29.11.2025 06:25 — 👍 0    🔁 9    💬 0    📌 0

ไม่ได้ไปบ้านญาติฝั่งพ่อที่เขตบางขุนเทียนโซนชายทะเลใต้คลองพิทยาลงกรณ์มา 6-7 ปี โซนนั้นไม่มีถนน นั่งเรือหางยาวเข้าอย่างเดียว
ถ้ายุคหลัง ๆ ทำทางจักรยานริมคลองกับขุดลอกคลองประมง, คลองเสาธง ให้ลึกนะ แล้วก็ทำเรือเมล์พร้อมท่าเรือ คือแจ่มกว่าทางจักรยานที่ผ่าลงแค่ชุมชนคลองโล่งกับป่าชายเลนที่เป็นที่ดินสงวนของ กทม. เยอะ

29.11.2025 03:20 — 👍 0    🔁 0    💬 0    📌 0
Post image

เปิดงบประมาณเยียวยา "มหาอุทกภัย" 2 ยุค 2 รัฐบาล #แพทองธาร VS #อนุทิน ใช้จ่ายจัดสรรอย่างไร?
.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.dailynews.co.th/news/5347172/
#น้ำท่วม #น้ำท่วมภาคใต้ #น้ำท่วมอีสาน #น้ำท่วมเหนือ #เงินเยียวยาน้ำท่วม #เพื่อไทย #ภูมิใจไทย
#ข่าว #ข่าววันนี้ #เดลินิวส์ #เดลินิวส์ออนไลน์

28.11.2025 11:12 — 👍 0    🔁 1    💬 0    📌 0
Preview
คาดน้ำท่วมหาดใหญ่กระทบแรงงานข้ามชาติกว่า 50,000 คน องค์กรสิทธิเปิด 8 ข้อเสนอช่วยเหลือ-เยียวยา คาดน้ำท่วมหาดใหญ่กระทบแรงงานข้ามชาติกว่า 50,000 คน องค์กรสิทธิเปิด 8 ข้อเสนอช่วยเหลือ-เยียวยา ภาพจากเว็บไซต์เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ See Think Fri, 2025-11-28 - 18:06 วันนี้ (28 พ.ย.) เว็บไซต์ เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ออกจดหมายเปิดผนึก ถึงนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ถึงข้อเรียกร้องต่อการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาวะวิกฤติมหาอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้พร้อมข้อเสนอเร่งด่วน 8 ข้อ เนื้อความในจดหมายระบุว่า จดหมายเปิดผนึก ข้อเรียกร้องต่อการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาวะวิกฤติมหาอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ 28 พฤศจิกายน 2568 เรื่อง   ข้อเสนอต่อการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติในภาวะวิกฤติมหาอุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ เรียน   นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกระทรวงแรงงาน จากวิกฤติมหาอุทกภัยครั้งใหญ่ที่ยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ภาคใต้ของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา ทำให้ประชาชน ผู้ประกอบธุรกิจ ลูกจ้าง ภาคราชการที่ให้บริการแก่ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง องค์กรภาคเอกชนและกลุ่มบรรเทาสาธารณภัยได้เร่งระดมให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบอย่างสุดกำลัง เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ได้ติดตามสถานการณ์อุทกมหาภัยในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง โดยเฉพาะจังหวัดสงขลา จากสถิติแรงงานข้ามชาติในพื้นที่สงขลา ปัตตานี และ สตูลมีแรงงานข้ามชาติ ประมาณ 55,208 คน  มีแรงงานข้ามชาติในจังหวัดสงขลาจำนวน 41,602 คน จังหวัดปัตตานี 6,148 คน จังหวัดยะลาจำนวน 3,837 คน และจังหวัดสตูล 3,621 คน จากสถานการณ์น้ำท่วมรุนแรงในรอบ 25 ปีทำให้เมืองหาดใหญ่และจังหวัดชายแดนภาคใต้เสียหายกระทบต่อเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว เกษตรกรรม และภาคธุรกิจ โรงงาน 715 แห่งหยุดการทำงาน พื้นที่เกษตรเสียหายกว่า 3.7 หมื่นไร่ ขนส่งสินค้าและการเดินทางถูกตัดขาด ความเสียหายประเมินสูงถึงวันละ 1,000–1,500 ล้านบาท โดยเบื้องต้นพบว่าแรงงานข้ามชาตินอกจากต้องการความช่วยเหลือฉุกเฉินเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและปัจจัยยังชีพจากฝ่ายบรรเทาสาธารณภัยแล้ว  ยังพบข้อกังวลที่เกี่ยวข้องกับเอกสารของแรงงานข้ามชาติที่สูญหายหรือชำรุดในช่วงภัยพิบัติ ไม่ว่าจะเป็นหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน ที่จะต้องยืนยันสถาะบุคคลของแรงงาน บัตรประกันสุขภาพเพื่อรับการบริการทางสาธารณสุข  และเอกสารเพื่อติดต่อราชการ  เครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติจึงเรียนมาเพื่อส่งข้อเรียกร้องมายังท่านในการเร่งพิจารณาแนวทางการบริหารจัดการแรงงานข้ามชาติที่ประสบภัยพิบัติ ดังนี้ ข้อเสนอเร่งด่วน  1. ประกาศรับสมัครอาสาสมัครที่เป็นแรงงานข้ามชาติ ร่วมกับกลุ่มบรรเทาสาธารณภัย ในการติดตามให้การช่วยเหลือแรงงาน ในภาษาที่แรงงานข้ามชาติสามารถสื่อสารได้  2. ประกาศนโยบายช่วยเหลือฉุกเฉินแก่แรงงานข้ามชาติที่ไม่สามารถเดินทางไปทำงานให้ถือเป็นวันหยุดโดยไม่คำนวนหักเป็นวันหยุดตามสิทธิที่กฎหมายกำหนด เพื่อเสริมสร้างกำลังใจให้แก่แรงงานที่ประสบภัยสามารถรับมือกับวิกฤติโดยมิพักต้องกังวลถึงผลกระทบจากการหยุดงานซึ่งอาจจะมีผลต่อการพิจารณาสิทธิพิเศษตามนโยบายของนายจ้าง (หากมี)  3. แรงงานข้ามชาติจำนวนมากเป็นแรงงานอัตราจ้างรายวัน กล่าวคือจะได้รับค่าจ้างเฉพาะในวันที่ทำงานจริงเท่านั้น  ดังนั้นในห้วงวิกฤตินี้จึงไม่สามารถไปทำงานและมีเงินค่าจ้างได้ เพื่อบรรเทาความเดือนร้อนของแรงงานข้ามชาติในการชำระเงินสมทบเข้ากองทุนประกันสังคม กระทรวงแรงงานควรพิจารณาผ่อนผันการใช้เงินสมทบฝ่ายนายจ้าง-ลูกจ้างเป็นการชั่วคราวอย่างน้อยเป็นเวลา 3 เดือน นับตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2568 เป็นต้นไป  4. สำนักงานประกันสังคมเร่งประชาสัมพันธ์สิทธิประโยชน์จากกองทุนที่ลูกจ้างสามารถใช้สิทธิในเนื่องจากภาวะวิกฤตินี้โดยเร็วและควรต้องมีภาษาของแรงงานข้ามชาติอย่างน้อย 2 ภาษา คือภาษาเมียนมาและภาษากัมพูชา โดยเฉพาะสิทธิกรณีว่างงาน เป็นต้น  5. หลังวิฤตการณ์ครั้งนี้แน่นอนว่าจะต้องใช้เวลาในการฟื้นฟูโดยเฉพาะที่พักอาศัยและอาจจะยังไม่สามารถกลับเข้าไปทำงานตามปกติได้ในระยะเวลาอันสั้น เพื่อเป็นเร่งการบำบัดฟื้นฟูกระทรวงแรงงานควรพิจารณาออกนโยบายการสงเคราะห์ลูกจ้างผ่านกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างให้แรงงานทุกคนสามารถเข้าถึงได้โดยไม่เลือกปฏิบัติรวมถึงลดเงื่อนไขการพิจารณาเพื่อให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงได้โดยสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น  6. กระทรวงแรงงานควรพิจารณาจัดสรรเงินกองทุนบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อช่วยเหลือและคุ้มครองแรงงานข้ามชาติในการบรรเทาสาธารณะภัยและต้องประชาสัมพันธ์ให้แรงงานข้ามชาติเข้าถึงข้อมูลและเข้าถึงกองทุนโดยเร็ว 7. กระทรวงแรงงาน กรมการจัดหางานและสำนักงานจัดหางานจังหวัดต้องจัดทำศูนย์ประสานงานการออกเอกสารแทนใบอนุญาตทำงานให้แก่แรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม รวมทั้งมีมาตรการผ่อนผันการอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราว โดยให้เอกสารแทนใบอนุญาตทำงานเป็นเอกสารแสดงตนแทนหนังสือเดินทางและการตรวจลงตราวีซ่าเพื่อรองรับสถานการณ์เอกสารหนังสือเดินทางสูญหายตามระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในประเทศไทยตามสิทธิของแรงงานข้ามชาติ หรืออย่างน้อย 1 ปี เนื่องจากปัจจุบันการดำเนินการจัดทำเอกสารแทนหนังสือเดินทางจากประเทศต้นทางยังเป็นไปโดยความยากลำบาก 8. กระทรวงแรงงานควรพิจารณาและออกนโยบายเร่งด่วนเพื่อขยายระยะเวลาการผ่อนผันให้แรงงานข้ามชาติสัญชาติพม่ากลุ่มที่กำลังดำเนินการต่ออายุใบอนุญาตทำงานและการตรวจลตราวีซ่าตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม 2568 ซึ่งกำหนดให้ต้องต่อใบอนุญาตทำงานให้เสร็จภายใน 13 ธันวาคม 2568 ซึ่งปัจจุบันยังติดปัญหาในเรื่องการยื่นขอต่อใบอนุญาตทำงานผ่านระบบ E-Work permit ที่ยังไม่สามารถดำเนินการได้ โดยผ่อนผันให้สามารถอยู่และทำงานในราชอาณาจักรออกไปเป็นการชั่วคราวอย่างน้อย 3 เดือน นับตั้งแต่วันที่ 13 ธันวาคม 2568 ถึง13 มีนาคม 2569  คอรีเยาะ มานุแช ผู้ประสานงานโครงการเครือข่ายองค์กรด้านประชากรข้ามชาติ ให้สัมภาษณ์ว่า จำนวนแรงงานข้ามชาติทั้งกัมพูชาและพม่าที่อยู่ในสงขลา ได้รับผลกระทบราว 50,000 คน หากรวมกับพื้นที่อื่นในภาคใต้ ทั้งปัตตานี ยะลา และสตูล คาดการณ์ไว้ราว 55,000 คน ส่วนเรื่องที่แรงงานข้ามชาติได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง คอรีเยาะกล่าวว่า แรงงานได้รับผลกระทบที่ไม่สามารถออกไปใช้ชีวิตได้ ทางภาคประชาสังคมมีการนำพวกข้าวสารอาหารแห้งเข้าไปแจกแล้ว ส่วนปัญหาที่แรงงานข้ามชาติต้องการความช่วยเหลือ คอรีเยาะกล่าวว่า สิ่งที่เธอกังวลตอนนี้คือเรื่องของมาตรการช่วยเหลือแรงงานข้ามชาติที่ได้รับผลกระทบ รัฐบาลจะมีกลไกเยียวยาอย่างไร คอรีเยาะเสริมต่อว่า นอกจากนี้ยังกังวลเรื่องของเอกสารประจำตัวแรงงาน เนื่องจากแรงงานบางกลุ่มใบอนุญาตทำงานจะหมดในวันที่ 13 ธันวาคมนี้ จากสถานการณ์น้ำท่วมเวลานี้ การทำเรื่องต่ออายุการทำงานทั้งผู้ประกอบการและแรงงาน คงเป็นเรื่องเป็นไปได้ยากที่จะดำเนินให้แล้วเสร็จ * ข่าว * การเมือง * แรงงาน * สิทธิมนุษยชน * คุณภาพชีวิต * น้ำท่วมหาดใหญ่ * สงขลา * แรงงานพม่า * แรงงานกัมพูชา * น้ำท่วมภาคใต้ * เครือข่ายด้านประชากรข้ามชาติ * คอรีเยาะ มานุแช
28.11.2025 11:14 — 👍 0    🔁 2    💬 0    📌 0
Post image

ศป.ฉก. เผยยอดสะสมผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วมใหญ่ทั้งภาคใต้ รวม 145 ราย เฉพาะสงขลา 110 ราย รวมผู้ประสบภัยในศูนย์อพยพ 14,160 ราย...
.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ www.dailynews.co.th/news/5348747/
#น้ำท่วม #น้ำท่วมภาคใต้ #น้ำท่วมหาดใหญ่
#ข่าว #ข่าววันนี้ #เดลินิวส์ #เดลินิวส์ออนไลน์

28.11.2025 11:55 — 👍 0    🔁 1    💬 0    📌 0

ปีใหม่สันดานเดิมไม่ช่วยอะไร

29.11.2025 02:37 — 👍 2    🔁 6    💬 0    📌 0
Post image

( ไหนๆมูก็เปิดแล้วเลยมาหย่อนซัพคาร์พี่ชายทั้งสองของน้องมาฟูคับๆๆ >< หัวจมพูทั้งบ้านเลย )

28.11.2025 00:53 — 👍 20    🔁 16    💬 0    📌 0
Post image

ส่องตำแหน่งสุดพีกแบบจึ้งของ "ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า".. แค่คนเดียวครองไปแล้วถึง 9 ตำแหน่ง!
.
#ธรรมนัส #ธรรมนัสพรหมเผ่า
#ข่าว #ข่าววันนี้ #เดลินิวส์ #เดลินิวส์ออนไลน์

28.11.2025 12:06 — 👍 0    🔁 1    💬 0    📌 0

ใกล้จะได้กลับไทยละ รอก่อนนะไก่ทอดหาดใหญ่ รอก่อนนะข้าวเหนียวมะม่วง รอก่อนนะขนมไข่ไส้เนย รอก่อนนะก๋วยจั๊บหมูกรอบ

28.11.2025 23:17 — 👍 3    🔁 2    💬 0    📌 0

แบบเดียวกันตอนพนันแทงม้า

youtube.com/shorts/vATZb...

29.11.2025 02:46 — 👍 3    🔁 3    💬 0    📌 0
Post image

เข้าหน้าหนาวแล้วแมวจะหัวฟูเป็นพิเสด

28.11.2025 14:09 — 👍 45    🔁 29    💬 1    📌 0

@atpdotnestle is following 19 prominent accounts