เขาเริ่มจะคุ้นชินกับการเปลื่ยนภาษา พออีกฝ่ายจะสอนคำใหม่ ชายหนุ่มก็พยักหน้าหงึกก่อนจะทำตาม
'ไว้เจอกันใหม่ครับ'
มุมปากยิ้มน้อย ๆ ในมือถือกระดาษ ยันตัวเองลุกขึ้นพร้อมที่จะเดินออกไป
@yudzukirkm.bsky.social
#RKM_Commu | 銭神優月 (Zenigami Yudzuki )|ชมรมวิทยุกระจายเสียง|Seicho Y.3| https://bit.ly/YudzukiSS1 บวกได้ทุกโพสต์ profile pic : fnowvii คาร์เป็นอินฟลูเอนเซอร์ เนียนรู้จัก OK
เขาเริ่มจะคุ้นชินกับการเปลื่ยนภาษา พออีกฝ่ายจะสอนคำใหม่ ชายหนุ่มก็พยักหน้าหงึกก่อนจะทำตาม
'ไว้เจอกันใหม่ครับ'
มุมปากยิ้มน้อย ๆ ในมือถือกระดาษ ยันตัวเองลุกขึ้นพร้อมที่จะเดินออกไป
เมื่ออีกคนยื่นกระดาษให้เขา เขาก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจก่อนจะใช้มือหนึ่งขยับเป็นภาษามือ
'ขอบคุณนะ' แล้วจึงพูดต่อ
"ผมจะไปทำการบ้านให้เยอะ ๆ"
ยูทสึกิยิ้มออกมา ถึงแม้ดวงตาสีแดงจะไม่มีประกาย แต่ก็คงเห็นได้ว่าอย่างน้อยเขาก็ยิ้มออกมาอย่างจริงใจ
"วันนี้ผมสนุกมาก"
"ขอบคุณนะครับ"
เขาเงียบ ตั้งใจดูฝีมืออีกฝ่ายวาดรูปแบบเรียลไทม์ พอภาพเสร็จแล้วก็ยกมือขึ้นปรบน้อย ๆ
"นี่แหละ ภาพที่สมบูรณ์ครับ"
ยูทสึกิว่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เป็นครั้งแรกเลยมั้งที่มีคนวาดรูปให้เขาแบบไม่ติดตลก ไม่กลายเป็นยักษ์อะไรแบบนั้น
"ผมขอรูปได้ไหมมิวะจัง"
เพราะแบบนั้น เขาเลยอยากขอเก็บเอาไว้
เมื่อเห็นเธอยิ้มให้ก็ยิ้มให้กลับเช่นกัน ดวงตาสีแดงมองรูปที่อีกฝ่ายวาด มันสวยดี แต่ติดที่ว่ามีรูปผู้ชายด้วยนี่สิ
"นี่เธอวาดผมเหรอ"
เขาทำหน้าแปลกใจพร้อมกับชี้หน้าตัวเองก่อนจะชี้ไปที่ที่นั่งข้าง ๆ ในรูป
"มิวะจังวาดตัวเองด้วยสิ"
"มินิยูคุงคงเหงาแย่"
เขานอนอิงอยู่อย่างนั้น หายใจอย่างคงที่ จนกระทั่งผ่านไปไม่กี่นาที เขาก็ลืมตาขึ้นมา หยิบมือถือมาดูว่าไม่ได้มีขี้ตาผุดขึ้นหลังจากที่เขางีบใช่หรือไม่
ยูทสึกิเหยียดแขน บิดขี้เกียจแล้วหันไปมองทางคนข้างกาย ไม่ได้พูดอะไร แต่ถ้าอีกฝ่ายยังไม่งีบ ก็คงได้ยินเสียงขยับบิดขี้เกียจของเขาทำให้รู่ว่าตื่นแล้วนั่นแหละ
ดูเหมือนการตัดสินใจครั้งนี้ของมิวะ ถึงแม้จะเกี่ยวข้องกับยูทสึกิ แต่ยูทสึกิก็คงจะไม่มีสิทธิ์ออกเสียงใด ๆ
เพราะตอนนี้ยังนอนไม่รู้เรื่องนี่นะ
เจ้าตัวคงไม่ว่าอะไรหรอก
ผ่านไปสักพักเมื่ออีกฝ่ายหันมามองก็พบว่าเขากำลังหยิบหูฟังมาใส่หูบ้าง ถือโทรศัพท์เป็นแนวนอนเหมือนจะดูยูทูปบ้าง หรือกลับมาไถคลิปแนวตั้งบ้าง
แต่เหมือนครั้งสุดท้ายเหมือนเขาจะนอนอิงต้นไม้และหลับตาพริ้ม
ไม่หลับ ก็คงจะพักสายตา
ชายหนุ่มนิ่งเงียบไปก่อนจะพยักหน้า
"ถ้างั้นก็ ...โอเคล่ะมั้งครับ"
ล่ะมั้ง? เขาทำตัวไม่ถูกเมื่อถูกบอกว่าสบายใจ ก็มันไม่มีใครเคยบอกว่าอยู่กับเขาว่าสบายใจมาก่อน มีแต่ให้ระวังตัวไว้เหอะ
เพราะงั้นเขาก็เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถคลิปสมาธิสั้นข้าง ๆ อีกฝ่ายที่ใช้ปลายดินสอตวัดบนกระดาษ
แม้เวลาจะผ่านล่วงเลยไปกี่นาทีเขาก็คงจะรอ
"จริงเหรอ"
"นึกว่าจะเสียสมาธิซะอีก"
เขาว่าพลางพยักหน้า ถ้าอีกคนโอเคเขาก็จะอยู่ ถ้าไม่โอเคเขาก็จะไป แค่นั้นล่ะ
ถึงแม้จะมีคำถามก็ตอบ
"สบายใจ?"
"อยู่กับผมแล้วสบายใจเหรอ"
จริง ๆ มันไม่ควรเป็นเรื่องที่ต้องสงสัย แต่เขาปฏิบัติกับเพื่อนไม่เหมือนปฏิบัติกับเธอ ปกติเพื่อนไม่ชอบอยู่กับเขาเท่าไหร่ก็เลยสงสัยที่เธอสบายใจ
ดวงตาสีแดงสบตาอีกฝ่ายแล้วกระพริบตาช้า ๆ ริมฝีปากคลี่ยิ้มเล็ก ๆ แล้วหัวเราะออกมาเมื่ออีกคนหลุบตาหนีในที่สุด
เขานั่งเท้าคางมองเด็กสาววาดรูปทิวทัศน์ พอคิดอะไรได้แบบคนปกติจึงถามออกไปกลางทาง
“งั้นผมไปก่อนนะ”
“คนวาดรูปคงอยากอยู่เงียบ ๆ ”
ตัดสินเอาเอง
พออีกฝ่ายทำมือตอบเขาก็พยักหน้าเข้าใจทันที ดูเหมือนเขาจะเริ่มชินกับภาษาใหม่นะ
"ได้เลยครับ"
ดีแล้ว ไม่ต้องไปดูหรอกคอนเทนท์เขาน่ะ
"ดูให้ชัด ๆ เลยนะ เพราะตัวจริงหล่อกว่าในกล้องเยอะ"
ยังไม่เลิกอีก
หลังจากนั้นเขาก็นั่งมองอีกฝ่ายเหมือนจะรอดูเธอวาดรูปยังไงอย่างงั้น
☀️ #RekieiMagazine
REKIEI Magazine
1,200 円
ตีพิมพ์ครั้งแรกและแจกจ่ายแล้วทุกโรงเรียนในเมืองมิฮานาดะ !
~ เนื้อหาในแมกกาซีนยกเว้นหน้าปกจะถือเป็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นใน [ เมืองมิฮานาดะ ] เท่านั้น ในหน้ากิจกรรมทัศนศึกษาจึงอาจจะไม่มีอยู่จริงตามสตอรี่ค่ะ
✨️ รายละเอียดสมัครรอบเดือนหน้าอยู่ในเมนชั่นถัดไป
เขาเลิกคิ้วเล็กน้อยเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกผิด ใจจริงเขาก็ไม่ได้อยากให้รู้สึกแย่ขนาดนั้น
"นี่ ไม่เป็นไรหรอก"
ยูทสึกิถอนหายใจออกเบา ๆ ก่อนจะรีบขยับมือเป็นคำว่า'ฉันก็ขอโทษ'
"ไว้มีโอกาสจะให้ดูแล้วกันครับ"
"แต่ตัวจริงหล่อกว่าหน้ากล้องนะ"
ชายหนุ่มว่าพลางหัวเราะ เหมือนจะเริ่มกลายเป็นเหมือนบุคลิกที่อยู่กับคนทั่วไปทีละเล็กทีละน้อย
เมื่อได้ยินคำพูดอีกฝ่ายก็ขมวดคิ้วฉงนกลับไป
"อยากเห็นผม"
"ผมก็อยู่ตรงหน้าเธอแล้วไง จะไปดูที่อื่นอีกเหรอครับ"
น้ำเสียงราวกับปนหงุดหงิด ไม่ใช่ว่าไม่ถูกใจสิ่งที่เธอต้องการ แต่เป็นความน้อยใจเล็ก ๆ ต่างหาก
แล้วก็คง รู้ว่าผลงานของตัวเองไม่ได้ควรค่าอะไรขนาดนั้น
เขาส่ายหัว เขาไม่ได้สนใจหรืออยากทำประโยชน์ให้สังคมขนาดนั้นหรอก ส่วนตัวเขามีเหตุผลเฉพาะตัว ที่ถ้าอีกฝ่ายรู้คงจะมองเขาเปลื่ยนไปมากแน่
"ผมทำช่องเกี่ยวกับ.. อืม เป็นคอนเทนท์สัมภาษณ์คนไปทั่วตามความกระแสตอนนั้น"
"แล้วก็มี...ไม่รู้สิ" ถ้าบอกว่าคอนเทนท์ถ่ายอวดหล่อไปวัน ๆ คงจะดูไร้สาระเกินไปเลยเลี่ยงไม่บอก
"แต่มิวะจังไม่ต้องไปหาดูหรอกนะครับ" พูดดัก
เขาพยักหน้า รู้สึกว่าเข้าใจได้ เพราะคนที่ไม่เหมือนคนอื่นต้องกลัวสายตาคนอื่นมากกว่าเป็นเท่าตัว เป็นเรื่องธรรมดา
"แต่เดี๋ยวนี้สังคมก็ตระหนักรู้มากขึ้น"
"สมัยนี้ทุกอย่างเข้าถึงได้ง่าย มันก็เป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง"
"ผมแค่พูดเฉย ๆ แค่อยากจะบอกว่าถ้าอยากทำอะไร ถ้ากลัวบางทีอาจจะไม่ได้เริ่มทำอะไรเลย"
พูดจากปากคนที่ไม่ได้กลัวอะไร เขาไม่ได้เข้าใจทั้งหมดหรอก
ในใจเขานึกประหลาดใจเมื่ออีกฝ่ายทำหน้าตาแบบนั้นจนรู้สึกได้ว่าตื่นเต้น
ก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษขนาดนั้นสักหน่อยนี่
"ใช่ครับ" ตาเหลือบไปมองก็ตอบให้ทันที
"ถ้าจับทางไว รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายเป็นอะไร ก็สามารถทำได้ไม่ยากหรอก"
"ดูตื่นเต้นนะครับ"
"เป็นงานที่มิวะจังสนใจรึเปล่า?"
พยักหน้าหงึกเมื่ออีกฝ่ายบอกเช่นนั้นก่อนจะพูดต่อ
"พอดีผมเป็นอินฟลูเอนเซอร์น่ะ"
"แบบว่า...วล็อกเกอร์ อะไรประมาณนั้น"
ยูทสึกิยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อพูดถึงสิ่งที่ตัวเองทำ ไม่ใช่เพราะรัก แต่การเป็นคนดังมันมีสิ่งแอบแฝง
"การที่ผมกำลังดูเจ้านี่ ก็เหมือนการวิเคราะห์การเสพสื่อคนอยู่น่ะ"
เขาว่าพร้อมยกมือถือขึ้นมาเปิดแอปสมาธิสั้นให้ดู ถึงจะพูดจาจริงจัง แต่ไทม์ไลน์เขามีแต่อะไรก็ไม่รู้
เห็นว่าอีกฝ่ายไม่ว่าอะไรก็ปล่อยไป พอถูกถามต่อก็ส่ายหัว
"ไม่หรอก แค่มาในวันที่ไม่ค่อยมีไอเดียน่ะ"
ก็คงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงเปิดจอแอปสมาธิสั้น
"แล้วมิวะจังล่ะ"
"ดูทรงเป็นคนชอบออกมาข้างนอกนะ แบบว่า... หาแรงบันดาลใจ"
เมื่อได้ยินแบบนั้นเขาก็ส่ายหัว สำหรับเขาการเรียนรู้เรื่องใหม่ ไม่ได้ต้องใช้การพยายามเลยสักนิด
เพราะงั้นเขาจึงไม่รู้สึกเหนื่อย แถมการที่ได้เข้าใจอะไรมากขึ้นยังสนุกอีกต่างหาก
"ผมสิต้องขอบคุณ"
"เธอเองก็สละเวลาวาดรูปมาสอนผมนี่นะ"
ถือว่าเจ๊ากันอยู่
ยูทสึกิว่าแล้วก็ยิ้มสบาย ๆ เอียงตัวอิงต้นไม้เล็กน้อย
เขาพยักหน้าหงึกและทำตาม จดทุกท่าไว้ในหัวอย่างง่ายดาย พออีกฝ่ายขยับเป็นชื่อตัวเองออกมาก็รู้สึกประทับใจอย่างบอกไม่ถูก
'มิวะจัง'
'ผมเองก็ขอบคุณนะ'
ชายหนุ่มชี้ตัวเองก่อนจะทำท่าขยับเป็นคำว่าขอบคุณ
"ถ้ามีคนคุยภาษานี้เหมือนกันเป็นยังไงครับ"
"รู้สึกเหงาน้อยลงรึเปล่า"
ไม่ใช่แค่มิวะเป็นฝ่ายเดียวที่แย้มยิ้มออกมา เขาเองก็เช่นกัน
พอได้ทำต่อก็เลิกคิ้วประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกว่าครีเอทใช่เล่นเหมือนกัน
"สวัสดีตอนเที่ยง"
เขาทำตาม และเปล่งเสียงออกมาในเวลาเดียวกัน พลางเลิกคิ้วว่าทำได้ดีรึเปล่านะ
แต่ถ้าไม่ได้ซับซ้อนอะไรมาก เขาว่าเขาก็คงพร้อมสำหรับประโยคต่อจากนี้แล้ว
พยักหน้าหงึกหงักตาม สายตามองตามสมุดที่ถูกวางก่อนจะกะพริบตามองเมื่ออีกฝ่ายเริ่มสาธิต พอกลายเป็นประโยคแล้วมันแตกต่างจริง ๆ
"โอ-ฮา-โย"
"โอฮาโย"
เขาค่อย ๆ ทำช้า ๆ แล้วเร็วขึ้นเพื่อให้ชินมือ มีการเลิกคิ้วเหมือนจะถามอีกฝ่ายว่าเป็นยังไง พอได้คุยภาษาเดียวกัน อีกฝ่ายจะรู้สึกเหงาน้อยลงรึเปล่านะ
เจ้าตัวนั่งเรียนอย่างตั้งใจ เขาเป็นคนหัวไวผิดแปลกกับนิสัยที่ดูเหมือนจะไม่อยากเอาอ่าวอะไรในสายตาคนอื่น อาจจะไม่ต้องพึ่งการสอนย้ำด้วยซ้ำ
ยูทสึกิปราดตามองอ่านสมุดแล้วพยักหน้า
"ก็มีอยู่นะครับ"
"อย่างเช่นー สวัสดี ขอบคุณ"
"แล้วก็เจอกันนะ"
อะไรแบบนั้น
ดูอีกฝ่ายมีความสุขกว่าปกติแปลก ๆ ทำเอาเขายิ้มออกมาด้วยเช่นกัน
"อย่างงี้นี่เอง"
"แบบนี้ คนที่เป็นใบ้ก็คงเป็นพวกแสดงสีหน้าจัด ๆ น่ะสิ" แต่อีกฝ่ายดูไม่เป็นแบบนั้นเลยแฮะ กระนั้นเขาก็พยักหน้าหงึกเข้าใจ
"ได้เลยครับ"
นักเรียนนั่งหลังห้องวันนี้กลับอยากศึกษาเพื่อให้เข้าใจอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ คงจะแบบนั้นตั้งแต่เริ่มคาบจนจบ
เขาพยักหน้าหงึก ฟังอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ ถ้าแบบนั้นคงต้องจำทุกตัวเลยงั้นสินะ
ยูทสึกิมองใบหน้าของอีกคน ถ้าเป็นพวกแสดงสีหน้าไม่เป็นก็คงลำบากเลยน่ะสิ แต่โชคดีไป เพราะเขาแสดงเก่งน่ะ
มือหนายกขึ้นมาขยับตามที่อีกฝ่ายทำเมื่อครู่ก่อนจะเบะปากเล็กน้อยเพื่อให้ดูเสียใจ แต่ก็ดูน่าหมั่นไส้มากกว่า
"แบบนี้ไหมครับ"
"เหรอ?"
รู้สึกละอายใจขึ้นมานิดหนึ่งเมื่ออีกฝ่ายดันได้ยินสิ่งที่เขาพูด
"อือ งั้นรบกวนด้วยครับ"
ผงกหัวให้เล็กน้อย ถึงแม้จะมองว่าเป็นการรบกวนก็เถอะ แต่เห็นอีกฝ่ายดูยินดีและดีใจแบบนั้น เขาก็ขอไม่เกรงใจแล้ว
"ต้องเริ่มจากไหน มีแพทเทิร์นเรียงคำเป็นประโยค หรือสะกดตามตัวอักษรเลยนะ"
ถ้าเป็นภาษามือสากลเขาพอจะรู้ แต่ญี่ปุ่นไม่แน่ใจ
กะพริบตาปริบเมื่ออ่าน
"จริงเหรอครับ"
"แต่อุตส่าห์มาข้างนอกทั้งที จะไม่วาดก็มาเสียเที่ยวรึเปล่า"
เขาดูมีท่าทีที่คาดคั้น จนกระทั่งอีกฝ่ายเขียนประโยคถัดมา ทำเอาเขายกมือขึ้นเกาท้ายทอย ยูทสึกิพึมพำเสียงเบา
"งั้นต้องหาโอกาสเจอกันบ่อย ๆ ไหมนะ?"
"จริงเหรอครับ"
"จะลำบากคุณรึเปล่า"
เขาละสายตามาจากจอสีเหลี่ยมแล้วยิ้มให้เล็ก ๆ ทิ้งโทรศัพท์ลงที่หน้าตักแล้วยกฝ่ามือมาประกบกัน
"แล้วก็เรียกผมว่ายูคุงทีสิ"
"ช่วยสอนให้ผมหน่อยได้ไหม" เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะเหลือบไปมองเห็นกระเป๋าอีกครั้งพอดี
"อะ เดี๋ยวมิวะจังจะไม่ได้วาดรูป"
"ไม่เป็นไรนะไว้ทีหลังก็ได้"
พออีกฝ่ายนั่งลงเขาก็ฉายแววพอใจเล็กน้อยก่อนจะหันกลับมามองแอปสมาธิสั้นเช่นเดิม
"ก็ นิดหน่อยน่ะ"
"แค่คิดว่าผมเป็นคนพูดอยู่คนเดียวก็แอบเหงานิดนึง"
ไม่แน่ใจว่ามีอะไรแฝงรึเปล่าแต่เขาก็ไหวไหล่ออกมาเบา ๆ
"ถ้าได้พูดภาษาเดียวกัน"
"ก็อาจจะดีกว่า"